Van Cleef & Arpels แนะนำผลงานใหม่ เข็มกลัดบัลเลต์ Bouton d’or
ด้วยชื่นชอบในความงดงามอันเกิดจากลีลาสอดประสานอย่างกลมกลืน นำไปสู่การเติมเต็มภารกิจสู่ความเป็นเลิศซึ่งจะทอดยาวสืบเนื่องไปเป็นหนทางตราบนิรันดร์ กว่าหลายทศวรรษที่ Van Cleef & Arpels ได้อาศัยแรงบันดาลใจ อันไร้ขอบเขตสิ้นสุดของนาฏกรรมการเต้น ศิลปะแห่งระบำปลายเท้า หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “บัลเลต์” ได้มอบบรรยากาศแห่งความวิจิตรบรรจงเยี่ยงบทกวี จากท่วงท่าอากัปสง่างามมาสู่งานออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงของเมซง ตลอดจนบรรดาเครื่องประดับจำลองรูปร่างสตรีที่ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนช้อย บอบบาง น่าทะนุถนอมในหลากลีลาท่าเต้น

ตลอดระยะความเป็นมา Van Cleef & Arpels ได้ทวีความผูกพันแน่นแฟ้นกับโลกของนาฏกรรมยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการร่วมงานสร้างสรรค์ศิลปะมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงการยกย่องคุณค่า ความสำคัญของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการแบ่งปัน
VAN CLEEF & ARPELS BALLERINAS

สายใยแห่งความผูกพันระหว่าง Van Cleef & Arpels กับศิลปะการเต้น มีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1920 ในกรุงปารีส ลูอิส อารเปลส์ ผู้รักการแสดงบัลเลต์เป็นชีวิตจิตใจ มักจะพาโคลด หลานชายของตนไปยังโรงอุปรากรการนิเยร์ ซึ่งอยู่ห่างจากบูติกที่จัตุรัสว็องโดมไปไม่กี่ก้าว ส่วนเข็มกลัดนางระบำหรือที่เรียกกันว่า “บัลเลรินา คลิป” (ballerina clip) ชุดแรกของเมซงนั้น ก็ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1940 และกลายเป็นผลงานสัญลักษณ์ประจำ Van Cleef & Arpels ในเวลาอย่างรวดเร็ว

ท่วงท่าที่ดูคล่องแคล่ว และอ่อนช้อย ร่วมกับความงดงามของเครื่องแต่งกายบนเข็มกลัดเหล่านี้ สะกดสายตา และจุดอารมณ์ปรารถนาให้ครอบครองขึ้นในใจของบรรดานักสะสมทั้งหลายได้ทันที วงหน้าที่เผยเนื้อทองของตัวเรือน หรือใช้เพชรเดี่ยวเจียระไนอย่างประณีต ได้รับการเติมเต็มด้วยเครื่องประดับศีรษะอันเลอค่า เช่นเดียวกันกับรองเท้าหัวแหลม และกระโปรงบานฟูฟ่องของนางระบำที่ต่างรองรับความพิถีพิถันของงานฝังเพชรกับรัตนชาติหลากสี ก่อเป็นลีลาพลิ้วไหวตามอากัปการเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลง

เครื่องประดับนักเต้นของ Van Cleef & Arpels ยังเป็นบทสะท้อนถึงอิทธิพลต่างๆ จากหลากขั้ววัฒนธรรม อันมีต่อการสร้างสรรค์ผลงานทั้งหลายนับจากปี 1906 โดยจะเห็นได้จากงานออกแบบเครื่องแต่งกายนานารูปแบบจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นตามแบบอารยธรรมชนเผ่าของหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ หรือความหรูหราน่าหลงใหลของดินแดนบูรพา


เลอค่านาฏกรรม หรือ Ballet Précieux (บาลเลต์ เปรซีเยอซ์) เป็นคอลเลคชันเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง ซึ่งเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2006 และเป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความชื่นชมของ Van Cleef & Arpels อันมีต่อศิลปะแขนงนี้ผ่านงานออกแบบรังสรรค์รูปร่าง และเครื่องแต่งกายของนักระบำปลายเท้า รองรับรายละเอียดการตกแต่งอย่างหรูหรา และมีสไตล์โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าเคย ผลงานหลายรุ่นต่อมาในคอลเลคชันนี้ หาได้ต่างอะไรจากลีลาการเต้นซึ่งร้อยเรียงลำดำตามท่วงทำนองอย่างต่อเนื่องมาอีกกว่าหลายปี โดยอาศัยไหวพริบในงานศิลปะอัญมณีเพื่อยกย่องคุณค่าความเป็นเลิศของศิลปะนาฏกรรม

ตัวเรือนทองผ่านเทคนิคตกแต่งจนขึ้นรอยจีบเฉกเช่นงานตีเกล็ด หรืออัดพลีทรองรับการฝังรัตนชาติเลอค่านานาชนิด เป็นผลงานจากบรรดาช่างมือทองหรือ Mains d’Or (แม็งส์ ดอร) เพื่อจำลองรูปทรง หรือรายละเอียดแพรพรรณที่ใช้ตัดเย็บเสื้อ และกระโปรงตามขนบเครื่องแต่งกายบัลเลต์ให้สมจริงอย่างที่สุด ไหวพริบในการพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญต่างแขนงของเมซง ถูกส่งผ่านจากน้ำมือของพวกเขามาสู่เครื่องประดับนางระบำเหล่านี้ โดยอาศัยสรรพสีที่หลากหลาย ปลุกจินตนาการให้เห็นภาพบัลเลต์อันโด่งดังเรื่องต่างๆ อย่าง Swan Lake, The Nutcracker, The Firebird and Les Sylphides.
และด้วยมุมมองศิลปะอันทรงเอกลักษณ์ บรรดาเข็มกลัดบัลเลรินาของเมซง ล้วนสอดคล้องกลมกลืนเป็นอย่างดีกับเหล่านักเต้นที่ปรากฏในคอลเลคชันนาฬิกาข้อมือ ด้วยพรสวรรค์ และความชำนาญเฉพาะด้าน แผนกผลิตงานของ Van Cleef & Arpels ร่วมกันถ่ายทอดทุกมวลความงามสง่าลงสู่ลีลาการเคลื่อนไหวของเหล่านักเต้นบนตัวเรือน ณ จุดบรรจบของทักษะทางการผลิต นาฬิกาข้อมือกับความเอกอุเชิงหัตถศิลป์ต่างสาขา เมซงได้นำภาพฝันในโลกอุปราการ และบัลเลต์ให้มาปรากฏขึ้นเป็นผลงานเจิดจรัสดุจมีชีวิต
GRAPHIC INTERPRETATIONS HIGH JEWELRY CLIPS
กว่าหลายปีที่ Van Cleef & Arpels ได้ถ่ายทอดท่วงท่าต่างลีลาของเหล่านักเต้น ตลอดจนความหลากหลายทางการแต่งกายผ่านงานสรรค์สร้างเครื่องประดับในแนวแอ็บสแตร็ก งานออกแบบรูปธรรมจำลองความละเอียดอ่อน บางเบาของผ้าลูกไม้, ความเลอค่าของงานจับจีบผืนแพรพรรณ หรือกระทั่งจังหวะพลิ้วไหว ล้วนอาศัยประกายเพชรในการสื่อถึงอากัปแคล่วคล่องของแต่ละท่าเต้นได้อย่างสมจริงบนชิ้นงาน

HIGH JEWELRY CLIPS

สำหรับปีนี้ ท่วงท่าอ่อนช้อย ความงามสง่าของเครื่องแต่งกาย และความตระการตาของฉากการแสดงบัลเลต์ ได้ถูกหลอมรวมลงสู่เข็มกลัดสามสไตล์ในคอลเลคชันเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewelry) โดยอาศัยความวิจิตรบรรจงเยี่ยงบทกวีในการออกแบบ โครงสร้างตัวเรือนเข็มกลัดรูปทรงนางระบำปลายเท้าเหล่านี้ ได้รับการตกแต่งด้วยอาภรณ์มรกต, เพชร และทับทิมตามลำดับ เพื่อร่วมกันจุดประกายจินตนาการถึงบัลเลต์คลาสสิกกับเรื่องราวแสนโรแมนติกในองก์การแสดง ทุกรายละเอียดอาศัยการทุ่มเทด้วยความพิถีพิถัน ละเอียดลออ ใส่ใจเป็นพิเศษในการแสดงให้เห็นถึงทักษะ ความชำนาญของช่างฝีมือประจำเมซง อันถือเป็นเอกลลักษณ์เฉพาะตัวของผลงานสร้างสรรค์จาก Van Cleef & Arpels

โครงสร้างรูปทรงของเข็มกลัด Camille ballerina นางระบำกามิลล์ ราวกับอยู่ในท่วงท่าสง่างามของการยืนบนปลายเท้าข้างเดียว ในขณะที่ขาอีกข้างยกขึ้นเป็นจังหวะหยุดนิ่งเตรียมพร้อมก่อนวาดลีลาหมุนรอบตัวที่ผู้ชมทั้งหลายเฝ้ารอชม เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานความเป็นเลิศของเมซงในการสร้างสรรค์ผลงานสุดซับซ้อน ทักษะความชำนาญทุกแขนง ตลอดจนความใส่ใจในรายละเอียดจากบรรดา “ช่างมือทอง” ของ Van Cleef & Arpels คือแรงขับเคลื่อนสำคัญ สำหรับการขึ้นตัวเรือนนักเต้นในท่าหยุดค้าง ซึ่งตามความเป็นจริง นี่คือจังหวะกิริยาที่จะบังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วชั่วพริบตาก่อนไปถึงลีลาหมุนรอบตัว ต้องอาศัยไขแว็กซ์เขียวเป็นต้องแบบรองรับงานประติมากรรมแกะสลักทุกรายละเอียดอย่างประณีต ก่อนจะนำไปหล่อแบบทำตัวเรือนรูปร่างบัลเลรินาออกมาด้วยทองคำขาวเพื่อสู่กรรมวิธีขัดผิวให้หมดจด เกลี้ยงเกลา และขึ้นเงาทอประกายวาววับยามต้องแสง ซึ่งจะช่วยเผยให้เห็นถึงความคมชัดของลีลาการวางมือ และสมดุลช่วงขาอย่างโดดเด่น ในขณะเดียวกัน ดวงหน้าเพชรเดี่ยว อันถือเป็นสัญลักษณ์แห่ง Van Cleef & Arpels ก็ยังตกแต่งความหรูหรา อย่างละเมียดละไมด้วยเครื่องประดับศีรษะทำจากทองคำสีเหลืองฝังไพลินเหลือง เข้ากับรองเท้าบัลเลต์คู่น้อยของนางระบำ
เพื่อเป็นหลักฐานแสดงถึงความเหนือชั้นทางงานฝีมืออัญมณี ม่านเมฆมรกตปรากฏขึ้นบนตัวกระโปรงบานวงกว้างทำจากทองคำสีเหลือง โดยอาศัยเทคนิคการฝังแบบพรมหิมะหรือ serti-neige (แซรติ-แนช) ซึ่งเป็นการพลิกแพลงวิธีฝังจิกไข่ปลาหลายแถวเรียงประชิดติดกัน โดยใช้รัตนชาติต่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพื่อให้กลบผิวตัวเรือนเบื้องล่างให้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเน้นให้เห็นถึงลักษณะการเคลื่อนไหวของตัวกระโปรง อันเป็นผลจากการทิ้งน้ำหนักผ้าตามกิริยายกตัวของขานางระบำ
นอกจากนั้น งานฝังเพชรจิกไข่ปลาแถวเดี่ยว ก็ถูกนำมาใช้ต่างผ้าโปร่งซับในสีขาวเพื่อทวีความสมจริงทางรายละเอียดของกระโปรงตูตู หรือกระโปรงบานสำหรับสวมเต้นบัลเลต์ การใช้ทองคำสีเหลืองร่วมกับทองคำขาวนี้ ยังก่อลีลาขัดแย้งเพื่อยกระดับความโดดเด่นของการตัดสีระหว่างเพชรขาวสกาวใสกับมรกตเขียวสดทอประกายล้ำลึก ส่วนบทเติมเต็มขององค์ประกอบทั้งหมดคือด้านหลังเข็มกลัด ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบเปิดโปร่งเผยให้เห็นความซับซ้อนสุดพรรณนาของบรรดาอัญมณีที่ใช้ฝังขึ้นตัวเรือน ด้วยงานออกแบบประติมากรรมสามมิติลักษณะนี้ เข็มกลัดนางระบำปลายเท้าของ Van Cleef & Arpels จึงสามารถแสดงให้เห็นถึงความวิจิตรบรรจงได้ในทุกมุมมอง

ใน Don Quichotte (ดอน กิโฮเต) บัลเลต์สามองก์ ซึ่งออกแบบท่าเต้นโดย มาเรียส เปติปา สาวน้อยดูลซีเนียคือแม่แบบความเป็นผู้หญิงที่ตัวดอนกิโฮเตเอแต่เฝ้าฝันถึง และในช่วงกลางของการแสดงองก์แรกเขานำเธอเต้นไปตามทำนองเพลงมินูเอต์คลาสสิก อันนำมาซึ่งความรู้สึกเบิกบานใจไปกับความรักที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉา ท่วงท่าแคล่วคล่องซึ่งถ่ายทอดความร่าเริงจากจังหวะการเต้นตามธรรมเนียมดั้งเดิมนี้ เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเข็มกลัดดูลซีเนียหรือ Dulcinea ballerina ของ Van Cleef & Arpels ด้วยอากัปอันดูเหมือนพร้อมจะโลดแล่นไปกับท่าเต้น “โซต์ เดอ ชาต์” (saut de chat แปลตรงตัวคือ “แมวกระโจน” เป็นหนึ่งในท่าเต้นก้าวกระโดดของบัลเลต์คลาสสิก ซึ่งมีรูปแบบ และเทคนิคในการกระโดดแตกต่างกันไปตามแต่ละสำนัก หรือโรงเรียน) และเพื่อให้รองรับกับการเต้น ตลอดจนโครงสร้างรูปร่างของสาวน้อยดูลซีเนีย กระโปรงตูตูที่บานออกของเธอ จำต้องอาศัยเทคนิคเชิงรายละเอียดเพื่อให้ปรากฏลอนกระโปรง และลายนูนต่ำอย่างชัดเจนสมจริง
ความว่องไวในลีลาเคลื่อนกายของนางระบำปลายเท้า ได้รับการถ่ายทอดมาสู่ตัวเรือนทองคำขาวอย่างระมัดระวัง รวมถึงวงหน้าเพชรเดี่ยวใต้เครื่องประดับศีรษะเพชรล้วนที่กลมกลืน ส่วนเครื่องแต่งกาย อาศัยตัวเรือนทองคำสีกุหลาบเนื้อเงาระยับละมุนละไมขับความสุกสว่างสกาวแสง ของงานฝังเพชรแบบหนามเตยหุ้มจมตัวเรือน (grain setting) ราวกับเป็นบทสะท้อนถึงอากัปที่อยู่ตรงกึ่งกลางจังหวะการเปลี่ยนท่า ทำให้เครื่องประดับชิ้นนี้มีทั้งความแม่นยำ เฉียบคมในลีลาการเต้น และอารมณ์เบิกบาน สดใสที่ถูกส่งผ่านจากอากัปการวางท่า

ด้วยแรงบันดาลใจจากการแสดงระบำปลายเท้า Proust ou les intermittences du cœur (พรูสตู เลแซงแตรมิตตองซ์ ดู เกอร) ฝีมือการกำกับของโรลองด์ เปอติต เข็มกลัดชิ้นนี้เป็นตัวแทนความอ่อนช้อย บอบบาง น่าทะนุถนอมของอัลแบรทีน นางเอกของพรูสต์ เจ้าของบทประพันธ์แต่ดั้งเดิม ด้วยท่วงท่าสง่างามกับลีลาชูแขนข้างหนึ่งขึ้น ในขณะที่กระโปรงตูตูฟูฟ่อง เผยให้เห็นความงดงามของเฉดสีตัดกันระหว่างทับทิมกับเพชร ซึ่งอาศัยความละเอียดอ่อนในการคัดเลือก ความระมัดระวังในงานเจียระไน และความพิถีพิถันทางการจับคู่สีทับทิมให้เสมอกันเพื่อก่อความกลมกลืนเยี่ยงแพรพรรณตัวกระโปรง สีแดงสอทอประกายสุกสกาวช่วยขับความสว่างเรืองรองของเพชรใส และความละมุนละไมของตัวเรือนทองสีกุหลาบ อันปรากฏอย่างชัดเจนในรูปแบบของงานขลิบริมชายกระโปรงอย่างวิจิตรบรรจง นอกจากนั้น ความประณีตของการฝังเพชรแถวเดี่ยวต่างเข็มขัด ยังช่วยทวีความคอดกิ่วขององค์เอว และสมดุลของสัดส่วนรูปร่างระหว่างออกท่าเต้นได้อย่างน่าจับตา
ผลงานชิ้นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกย่องความสง่าสูงศักดิ์ในอากัปท่วงท่าของนักเต้น วงหน้าเพชรเดี่ยวภายใต้เครื่องประดับศีรษะฝังเพชรล้วนเรียงแถวจิกไข่ปลา ร่วมกับการใช้เพชรเดี่ยวต่างมวยผม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเมซง เข็มกลัดนางอัลแบรทีน ยังโดดเด่น สะกดสายตาด้วยลีลาตัดกันอย่างกลมกลืนระหว่างเพชรกับทับทิมที่ร่วมกันเติมความเจิดจรัสให้แก่ผลงาน อันเป็นหนึ่งในปรารถนาของ Van Cleef & Arpels ที่จะส่งผ่าน สานต่อ และสืบทอดมรดกตกทอดแง่มุมหนึ่งซึ่งอยู่กับเข็มกลัดนางระบำมานับแต่ยุคแรกเริ่ม นั่นก็คือลีลาพลิ้วไหวของกระโปรงบานที่ดำเนินไปกับทุกจังหวะการเต้นอันสดใส มีชีวิตชีวา
BOUTON D’OR BALLERINA
A BALLET OF INTENSE REFLECTIONS

ด้วยแรงบันดาลใจจากมรดกทางงานออกแบบประจำเมซง คอลเลคชันเครื่องประดับกระดุมทองหรือ Bouton d’or (บูตง ดอร) ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งอาศัยเส้นสาย และรูปทรงสไตล์กราฟิกมารองรับการขึ้นลวดลายด้วยแผ่นโมทิฟ “กระดุมเลื่อม” เพื่อถ่ายทอดท่วงท่าสง่างามจากลีลานาฏกรรม อันเป็นที่รักยิ่งของ Van Cleef & Arpels และในฐานะเข็มกลัดนางระบำปลายเท้ารุ่นแรกสำหรับเครื่องประดับร่วมสมัยคอลเลคชันนี้ เมซงยังคงยึดมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศ พร้อมกับยังสะท้อนถึงทักษะพิเศษเหนือชั้นในการสรรค์สร้างตัวเรือนรูปกายสตรีจากศิลปะเครื่องประดับชั้นสูง และนาฬิกาข้อมือให้ประจักษ์อย่างชัดเจน ไหวพริบเอกอุในการพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ ถูกหลอมรวมเข้ากับความละเอียดอ่อนทางการเลือกวัสดุเลอค่าหายาก เพื่อก่อกำเนิดผลงานอันเต็มไปด้วยความอ่อนช้อย ละเมียดละไม อันสอดคล้องกับจิตวิญญาณสุนทรีย์นิพนธ์ของ Van Cleef & Arpels อย่างสมบูรณ์

ไหวพริบอันเฉียมคม กับพลังแห่งความสดใส ร่วมกันให้กำเนิดโครงสร้างทรวดทรงอ่อนช้อย ละมุนละไมของเข็มกลัดนางระบำกระดุมทองหรือ Bouton d’or ballerina clip หลังบรรจงสลักเสลาจนได้ประติมากรรมไขแว็กซ์เขียวเพื่อกำหนดน้ำหนักทรวดทรง และสัดส่วนอย่างแม่นยำแล้ว เรือนร่างของนักเต้นก็ถูกหล่อขึ้นด้วยทองคำสีเหลืองอร่ามก่อนนำไปขัดผิวจนหมดจด เกลี้ยงเกลา ขึ้นเงาสะท้อนทอประกายอบอุ่น เผยให้เห็นเส้นสายแสดงท่วงท่าอากัปอย่างชัดเจน และสง่างาม
กระโปรงบานสลับสีให้ความงดงามสามมิติจากการใช้แผ่นโมทิฟ “กระดุมเลื่อม” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกทางการสร้างสรรค์ของเมซง ในฐานะตัวแทนไหวพริบความชำนาญจากทักษะหัตถศิลป์ของช่างฝีมือแห่ง Van Cleef & Arpels แต่ละเม็ดเลื่อมทองคำ หรือแผ่นรัตนชาติ ได้รับการตัดเจียน และตกแต่งด้วยมือจนเป็นแผ่นแบน ทรงกลม ก่อนนำไปขัดผิวอย่างระมัดระวังให้ขึ้นเงาทอประกายวาววามอย่างเต็มที่ การฝังเรียงแถวของแผ่นโมทิฟทรงกระดุมเลื่อม ซึ่งทำจากทองคำเหลืองสกาว, หินไข่นกการเวก (turquoise) และพลอยน้ำสมุทร (lapis lazuli) นำมาซึ่งลวดลายนูนสลับ ก่อน้ำหนักทรวดทรงอย่างมีชั้นเชิง รองรับงานฝังเพชรไล่ระดับกระจายตัวทั่วตัวเรือน ทั้งในส่วนของเครื่องแต่งกาย, เครื่องประดับศีรษะ และรองเท้า อีกทั้งยังทวีความวิจิตรบรรจงของลีลาการเคลื่อนไหวให้ปรากฏอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยงานประดับลูกปัดเพชรเดี่ยวทิ้งตัวเรียงแถวเว้นระยะตลอดชายกระโปรง ซึ่งจะแกว่งไกวไปมาแม้จะมีอากัปขยับกายเพียงน้อยนิดก็ตาม