อเด็คโก้ เปิดตัวคู่มืออัตราเงินเดือนปี 66 พบบริษัทหาคนยาก-เศรษฐกิจฟื้น ดันฐานเงินเดือนเพิ่มถ้วนหน้า

0 0
Read Time:7 Minute, 28 Second

อเด็คโก้เผยปี 65 ที่ผ่านมาพนักงานออฟฟิศได้เงินเดือนเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า สะท้อนตลาดแรงงานไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ด้าน Fist Jobber สายไอทีครองแชมป์เงินเดือนสูงสุด 80,000 บาท ขณะที่ตำแหน่ง Logistics และการตลาด มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการสูง

บริษัท อเด็คโก้ประเทศไทย HR Agency ผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร เปิดตัว Salary Guide 2023 คู่มืออัตราเงินเดือนประจำปี ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเดือนเริ่มต้นและสูงสุดกว่า 800 ตำแหน่ง ใน 8 อุตสาหกรรม ที่รวบรวมจากการจ้างงานผ่านอเด็คโก้ของบริษัทชั้นนำในประเทศไทย โดยพบว่าในปี 2565-2566 นี้ ตลาดแรงงานในประเทศไทยเริ่มกลับมามีความคึกคักขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเศรษฐกิจประเทศที่เริ่มฟื้นตัว อ้างอิงจาก GDP ของไทยในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่เติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง การค้าขาย FMCG การเงินการธนาคาร (FinTech)

เงินเดือนขั้นต่ำเด็กจบใหม่กลับมาแตะ 15,000 บาทอีกครั้ง

หลังจากที่การระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2563-2564 ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนในตลาดแรงงาน จนทำให้เงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่ขยับลดลงอย่างเนื่องจาก 15,000 ไปเป็น 12,000 และเคยแตะเงินเดือนต่ำสุด 10,000 บาท ในปีนี้เงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่ได้กลับมาแตะ 15,000 บาทอีกครั้ง และยังพบว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนทำงานที่มีประสบการณ์ 0-3 ปีก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 24,000 – 38,000 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 80,000 บาท นั่นคือสายงาน IT Security Analyst และ Software Tester รองลงมา เช่น ERP Consultant, Front End Developer, Programmer, Process Engineer, Nutritionist, Credit Analyst จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งที่ต้องการทักษะเฉพาะด้าน และมีความเป็น specialist ในงาน เช่น ทักษะด้านไอที ดิจิทัล การเงิน และการวิเคราะห์ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ hard skills ที่คนทำงานจำเป็นต้องมี และต้องพัฒนาถึงระดับที่รู้จริงและเชี่ยวชาญ แต่ทั้งนี้การจะได้รับเงินเดือนสูง ผู้สมัครหรือคนทำงานก็จำเป็นจะต้องมีทักษะอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่นทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร รวมถึงทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นส่วนช่วยเติมเต็มความสามารถ และทำให้ผู้จ้างยินดีที่จะจ่ายเงินเดือนที่สูงขึ้นกว่าระดับทั่วไป

เงินเดือนขั้นต่ำดีดตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกระดับ ด้าน IT, Logistics และ Marketing ครองแชมป์อาชีพมาแรง

ด้วยการจ้างงานที่ครึกครื้นชึ้นในช่วงปี 2022 ทำให้เงินเดือนเริ่มต้นของพนักงานออฟฟิศในระดับซีเนียร์ และระดับผู้จัดการ ในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยระดับซีเนียร์ได้เพิ่มจาก 15,000 บาท เป็น 18,000 บาท และผู้จัดการได้เพิ่มจาก 20,000 บาท เป็น 30,000 บาท

ด้านสายอาชีพที่มาแรงที่สุดในปีนี้ ยังคงหนีไม่พ้นงานด้าน IT งานด้าน Supply Chain Management และงานด้าน Sales & Marketing ที่ เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตตามยุค Digital Transformation ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในปัจจุบัน การขนส่งที่เป็นหัวใจสำคัญของ e-commerce ซึ่งเป็นเทรนด์การจับจ่ายของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หรือการทำการตลาดที่ต้องเชื่อมระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ให้โดดเด่นและมีประสิทธิภาพ เพื่อแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้คนที่อยู่ในสายงานเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดในแทบจะทุกอุตสาหกรรม โดยนายจ้างยินดีให้เงินเดือนสูงเพื่อรั้งคนเก่งไว้ในองค์กร หรือดึงดูดผู้สมัครที่มีความสามารถมาร่วมงาน

Talent Shortage ทำให้ผู้สมัครมีอำนาจต่อรองมากขึ้น

คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า “หากมองที่ภาพรวมตลาดแรงงานในปี 2565 ที่ผ่านมา ต้องเรียกว่าเป็นปีที่หลาย ๆ บริษัทเริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วง ไตรมาส 1 และ 2 ที่มีตำแหน่งเปิดรับสมัครเป็นจำนวนมาก ในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งมีการโยกย้ายงานของเหล่า Talent ที่มี skillset ที่เป็นที่ต้องการของตลาดให้เห็นในหลายสายงาน ซึ่งเป็นไปตามกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตามรายงาน Global Workforce of the Future 2022 ของ Adecco ในปีที่ผ่านมา ที่ระบุว่า พนักงานกว่า 1 ใน 4 ตัดดสินใจลาออก หรือย้ายงานเพื่อให้ได้ผลตอบแทน สวัสดิการ หรือมีนโยบายเรื่องการทำงานที่ตอบโจทย์ตนเองมากกว่า ในขณะที่คนเก่งมีจำนวนจำกัด และไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด (Talent Shortage) ทำให้คนทำงานเหล่านี้ มีสิทธิ์เลือกมากขึ้น เกิดเป็นการแข่งขันกันระหว่างองค์กรที่ต้องการรักษาพนักงานเก่ง ๆ ไว้ และองค์กรที่ต้องการดึงคนเเก่งเข้ามาร่วมงาน หรือเรียกกันว่า Talent War ซึ่งก็สะท้อนออกมาในภาพของอัตราเงินเดือนเฉลี่ยที่สูงขึ้นจากปีก่อน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการปรับตามอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดคนเก่งให้อยู่ หรือเข้ามาร่วมงานกับองค์กรอีกด้วย คนที่ได้เปรียบที่สุดก็คือผู้สมัครที่มีความพร้อมรอบด้าน เพราะมีอำนาจในการต่อรองทั้งในแง่เงินเดือน และ benefit อื่นๆ โดยสามารถเลือกทำงานกับบริษัทที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้มากที่สุด

ส่วนข่าวการ lay off พนักงานของหลายบริษัทในปีที่ผ่านมาที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ มองว่าบางกรณีเกิดขึ้นเพราะธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้น ๆ อาจจะอยู่ในช่วงขาลงจริง เช่น ธุรกิจสิ่งพิมพ์ หรือทีวี เป็นต้น แต่ในกรณีของการลดคนของบริษัทด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่เกิดจาก บริษัทจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ของสินค้าบริการที่มีมากเป็นพิเศษในช่วงโควิด แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ ความต้องการแรงงานในส่วนงานนี้ก็อาจลดลง ในแง่องค์กร มองว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ Talent Pool ที่เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ และมองหาคนที่ใช่เพื่อรับเข้ามาร่วมงานกับองค์กรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะผู้สมัครงานคือการไม่หยุดพัฒนา hard skills และ soft skills โดยจะต้องมีความเป็น T-Shape skill อยู่ในตัว ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงความสามารถในสายงานที่ทำ แต่ยังต้องมีทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความสู้แบบไม่ถอดใจ หรือที่เรียกว่า Resilience พร้อมปรับตัวและแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม”

องค์กรควรปรับ Culture เตรียมพร้อมต้อนรับ Gen Z เข้าสู่ตลาดแรงงาน

คุณธิดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “คำแนะนำสำหรับองค์กรในปีนี้คือ HR และผู้นำองค์กรควรทำความเข้าใจกับพนักงานในองค์กรให้มากขึ้นโดยใช้ data นำมาวิเคราะห์ในการวางแผนกำลังคน วางแผนการจัดการและพัฒนาความสามารถของพนักงาน รวมทั้งทำความเข้าใจลักษณะของคน Gen Z ซึ่งกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนสำคัญในองค์กร และหาวิธีการปรับองค์กรให้พร้อมรับกับคนกลุ่มนี้ เช่น ช่วยเตรียมความพร้อมให้เหล่า Manager ที่จะต้องทำงานกับ Gen Z ปรับวิธีทำงานให้เปิดกว้างเพื่อพร้อมรับฟังไอเดียใหม่ ๆ ปรับนโยบายการทำงานให้มีความยืดหยุ่นทั้งในแง่สถานที่และเวลา รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้าง Culture เพื่อให้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ทั้งในเรื่องอายุ เพศสภาพ ศาสนา และอื่น ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทใดที่สามารถทำได้ก่อนก็จะนำหน้าผู้อื่นไปหนึ่งก้าว”

ตลาดแรงงานเอเชียแปซิฟิกขาดแคลนคนทำงานสาย STEM

ด้านคุณไซม่อน แลนซ์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายสรรหาทรัพยากรบุคคล อเด็คโก้เอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงภาพรวมการตลาดแรงงานในระดับภูมิภาคว่า “ตลาดแรงงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงขาดแคลนทาเลนต์ โดยเฉพาะในสายอาชีพ STEM(science, technology, engineering and math) รวมถึงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ในขณะที่อุตสาหกรรมที่เติบโตทั่วภูมิภาคยังเป็นอุตสาหกรรมด้าน Life Sciences, Healthcare & Biotechnology, และ Renewable Energy และในปี 2023 นี้น่าจะเห็นการเติบโตด้านธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและการบริการเช่นเดียวกัน

การโยกย้ายงานข้ามประเทศในภูมิภาคมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น เมื่อมาตราการการควบคุมและป้องกันโควิดผ่อนปรนลง รวมถึงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ในด้านการสร้างความหลากหลายของพนักงานในองค์กรให้เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของการจ้างงานชาวต่างชาติ ยังเป็นเรื่องของการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงสำหรับบริษัท รวมถึงเป็นความท้าทายของคนทำงานเองในการเตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวให้ทำงานได้ท่ามกลางวัฒนธรรมที่แตกต่าง

ทั้งนี้ หลายบริษัทเริ่มเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการจ้างงานแบบ offshoring และ nearshoring ในฟังค์ชั่นงานต่างๆ ขององค์กร ขณะที่บางบริษัทเริ่มให้ความสนใจปรับมาใช้ shared service center เช่น IT Hub หรือ Designer Hub ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพื่อให้บริการในส่วนงานนั้น ๆ กับสาขาของบริษัทในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอย่างคุ้มค่า และเป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อจัดการกับปัญหาการขาดแคลนคนทำงาน หรือค่าแรงสูงตามอัตราเงินเฟ้อ ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ”

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

%d bloggers like this: