“เรียลแอสเสท” เปิดตัวหนัง ‘ซอมบี้’ ที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์โฆษณาที่อยู่อาศัย
“เรียลแอสเสท” เดินหน้าสร้าง Brand Transformation ชูวิสัยทัศน์ Believing a better you is possible ส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้างและสังคมให้ดีขึ้นภายใต้แนวคิด “NEVERLAND” ผ่าน 5 แกนสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาวที่จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัท พร้อมส่งหนังโฆษณาชุด “Last Hope, Last Home” ตอกย้ำการเข้าถึงและการจดจำของกลุ่มลูกค้า เริ่มออนแอร์แล้วเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565
นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์สุขภาพถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยทั้งในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลาย ๆ คนหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพและสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงมากขึ้น ขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและระบบการแพทย์ที่ดีขึ้น ทำให้เทรนด์การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องยากในยุคนี้
เช่นเดียวกันกับนโยบายของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัททั้งแนวราบและแนวสูง มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีรอบด้าน ภายใต้การออกแบบโครงการแบบ “Neverland” ซึ่งเปรียบเสมือนดินแดนมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้ลูกบ้านหยุดห้วงเวลาแห่งความสุขไว้ในบ้าน รวมถึงส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีรอบด้าน
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “Last Hope, Last Home” ความยาว 5 นาที ซึ่งเป็นการฉีกกฎเกณฑ์ของหนังโฆษณาที่อยู่อาศัยและไม่ซ้ำแบบใคร ด้วยการนำ “ซอมบี้” มาเป็นตัวแทนของวิกฤตในปัจจุบัน อาทิ โรค COVID -19, ฝุ่น PM 2.5, ภาวะโลกร้อน และอาหาร Junk Food ที่หาซื้อได้สะดวกสบาย ฯลฯ ซึ่งสถานที่ที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น และปลอดภัยที่สุดก็คือ “การอยู่บ้าน” ในโครงการของ “เรียลแอสเสท” ภายใต้การออกแบบโครงการแบบ Neverland นั่นเอง
ที่มาของแนวคิดการออกแบบโครงการแบบ “Neverland” เกิดจากการนำผลการศึกษาของเมือง Blue Zones ที่ได้ทำการสำรวจวิถีชีวิตของผู้สูงอายุทั่วโลก พบว่ามีบางพื้นที่ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนมากกว่าคนทั่วไป รวมทั้งยังมีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น การกินอาหารที่เป็นพืชผักเป็นหลัก การออกแรงทำกิจกรรมสม่ำเสมอ รวมถึงการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมในสังคมที่ไม่เครียดและการมีสุขภาพจิตที่ดี ดังนั้นบริษัทจึงได้นำเอาหลักการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่เหล่านั้นมาออกแบบและประยุกต์ใช้กับทุกองค์ประกอบของโครงการ เพื่อสร้างดินแดน Neverland ให้เป็นบ้านในฝันของลูกค้า
“Neverland เป็นสถานที่ที่จะเพิ่มเวลาให้กับคุณเพื่อให้ได้อยู่กับคนที่คุณรักมากขึ้น ภายใต้แนวคิด Blue Zones ซึ่งเป็นบทความของ Dan Buethner ที่ตีพิมพ์ในวารสารของ National Geograhic เมื่อปี 2005 มีชื่อตอนว่า The Secret of a Long Life โดยนำเรื่องราวของคนอายุ 100 ปีที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองๆต่างบนโลกมาเล่าให้ฟังถึงวิถีการใช้ชีวิตที่ทำให้อายุยืนยาว โดยเฉพาะเมืองซาดิเนีย ของประเทศอิตาลี มีประชากรเพศชายอายุเกิน 100 ปีมากที่สุดในโลก รวมถึงเมืองอื่นๆบนโลกที่มีคนอายุเกิน 100ปีกระจุกตัวอยู่ร่วมกัน โดยใช้ปากกาสีน้ำเงินเขียนเป็นวงกลมไว้ที่เมืองเหล่านั้นบนแผนที่โลก จึงเป็นที่มาของคำว่า Blue Zones มีทั้งหมด 5 พื้นที่ อาทิ เมือง Sardinia ของอิตาลี,เมือง Okinava ของญี่ปุ่น และเมือง Icaria ของกรีก”
นายบดินทร์ธร กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเรียลแอสเสทเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถส่งเสริมการใช้ชีวิตและเติมเต็มความหมายของคำว่า “บ้านในฝันของลูกค้า” รวมถึงส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับลูกบ้านเหมือนกับเมือง Blue Zones ได้ตั้งแต่คุณภาพอากาศ พื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน รวมถึงวัสดุต่างๆ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตภายในโครงการ โดยแบ่งนิยามของ Neverland ออกเป็น 5 แกนหลัก คือ Ever Active, Ever Smile, Ever Green, Ever Love และ Ever Care ผ่านวิสัยทัศน์ “Believing a better you is possible” ประกอบด้วย
-Ever Active ส่งเสริมให้ลูกบ้านได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยจัดสรรพื้นที่ออกกำลังกายให้มีความหลากหลายทั้ง Multi-sport Area, Smart Fitness Equipment, Outdoor Stretching และ 24hr Fitness โดยพื้นที่ส่วนกลางในทุกโครงการจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และสวนขนาดใหญ่ ให้ลูกบ้านได้เลือกทำกิจกรรมที่ใช่และเหมาะกับไลฟ์สไตล์มากที่สุด
-Ever Smile ลดความตึงเครียดและความกังวลในชีวิตประจำวันของลูกบ้าน โดยเน้นดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งภายในบ้านและภายในโครงการด้วยนวัตกรรมต่างๆ อาทิ ระบบ IOT ภายในบ้าน ระบบฟอกอากาศบริสุทธิ์ และออนเซ็น เป็นต้น
-Ever Green สนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกบ้านรับประทานอาหาร พืช ผัก ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย โดยภายในโครงการของเรียลแอสเสท เน้นการปลูกต้นไม้ที่ให้ผลผลิตสามารถนำมารับประทานได้ โดยเฉพาะผักปลอดสารพิษ และสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยังใส่ใจในเรื่องการลดค่า PM 2.5 ภายในโครงการด้วยการปลูกพันธุ์ไม้ฟอกอากาศบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว เพื่อสร้างความร่มรื่นและเย็นสบายให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
-Ever Love ส่งเสริมให้ลูกบ้านใกล้ชิดกันภายในครอบครัวมากขึ้น โดยออกแบบฟังก์ชั่นภายในและภายนอกบ้าน รวมถึงพื้นที่ส่วนตัวและส่วนกลาง ให้มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างสมาชิกภายในครอบครัว นอกจากนี้เพื่อส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพที่แข็งแรงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัวและระหว่างลูกบ้านภายในโครงการ ปีนี้จึงมีแผนในการจัดกิจกรรมและ workshop ต่างๆ มากมาย อาทิ การตรวจสุขภาพโดยโรงพยาบาลชั้นนำ, การจัดวิ่งภายในโครงการ, การเล่นโยคะสำหรับผู้สูงอายุ, การออกกำลังกายเพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม และการเพ้นท์กระถางต้นไม้สำหรับเด็กๆ เป็นต้น
-Ever Care ส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ โดยจับมือกับโรงพยาบาลและพาร์ทเนอร์
ทางการแพทย์เพื่อจัดทำโครงการใหม่ๆ ร่วมกัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ยังได้จัดให้มี Medical Corner สำหรับให้บริการกับลูกบ้าน โดยได้นำร่องกับโครงการสตอรี่ส์ บางนา-สุวรรณภูมิไปแล้วปัจจุบันมีโครงการนำร่องที่ใช้หลัก 5 แกนของ Neverland มาออกแบบโครงการแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสตอรี่ส์ บางนา-สุวรรณภูมิ (Stories Bangna – Suvarnabhumi), สตอรี่ส์ รังสิต – วงแหวน (Stories Rangsit – Wongwaen) และหลังจากนี้ Neverland จะถูกใช้เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาโครงการของเรียลแอสเสทในทุกๆ โครงการต่อไป