Grand Seiko ฉลองครบรอบ 25 ปี คาลิเบอร์ 9S ด้วย 2 เรือนเวลา ลิมิเต็ด เอดิชั่น

0 0
Read Time:4 Minute, 34 Second

คาลิเบอร์ 9S กลไกที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดซึ่งเปิดตัวในปี 1998 เป็นตัวแทนแห่งการแสวงหาความเที่ยงตรงแม่นยำระดับสูงอย่างไม่สิ้นสุดของ Grand Seiko และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคใหม่ในการผลิตนาฬิกาจักรกลของแบรนด์ ในปีเดียวกันนั้นเอง มาตรฐาน ‘Grand Seiko Standard’ ได้ถูกนิยามขึ้นใหม่โดยยกระดับมาตรฐานในการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ และกำหนดระดับประสิทธิภาพขึ้นใหม่ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา

ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ คาลิเบอร์ 9S รูปแบบแรกได้ถูกพัฒนาสู่การเป็นซีรี่ส์กลไกที่สมบูรณ์แบบด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย เสริมประสิทธิภาพด้วยการใช้โลหะผสมชนิดใหม่ในส่วนของสปริงลานและสายใยจักรกลอก และด้วยวิศวกรรม MEMS ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญได้ด้วยความละเอียดแม่นยำถึงระดับหนึ่งในพันของมิลลิเมตร คาลิเบอร์ 9S จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการสร้างกลไกจักรกลของ Grand Seiko และเป็นสิ่งที่นำไปสู่การสร้างสรรค์กลไกระดับปฏิวัติวงการ คาลิเบอร์ 9SA5 ในปี 2020

เมื่อวาระครบรอบ 25 ปีของคาลิเบอร์ 9S แบบแรกสุดมาถึง การเฉลิมฉลองจึงเกิดขึ้น ณ วันนี้ด้วยการถือกำเนิดของ 2 ผลงานสร้างสรรค์สุดพิเศษจาก Grand Seiko ที่มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเรือนและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเช่นเดียวกับนาฬิการุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก 9S ในปี 1998

ด้วยการสร้างสรรค์ของ โนบุฮิโระ โคสุงิ หัวหน้านักออกแบบของ Grand Seiko และทีมงานของเขา นาฬิการุ่นปี 1998 ได้สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความเที่ยงตรงแม่นยำ และความงดงามของกลไกที่อยู่ภายในให้โลกได้รับรู้ และยังมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนกับลักษณะแห่งคุณภาพที่ส่งเสริมการผลิตนาฬิกาของ Grand Seiko มาตั้งแต่ยุคแรกอีกด้วย รูปแบบที่น่าประทับใจแต่ดูเรียบง่ายทำให้นาฬิกาของ โคสุงิ เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ด้วยตัวเรือนและหน้าปัดที่เล่นกับแสงได้อย่างน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างความงาม ความเรียบง่าย และความเป็นเลิศได้อย่างตรงไปตรงมา เข้ากับความปรารถนาที่สืบสานมาอย่างยาวนานของ Grand Seiko ที่ต้องการเป็นนาฬิกาสำหรับการใช้งานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้เวลาจะล่วงผ่านมา 25 ปีแล้ว ดีไซน์ตัวเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Grand Seiko เรื่อยมา เช่นเดียวกับกลไก 9S ที่บรรจุอยู่ภายใน

แรงบันดาลใจจากทะเลเมฆแห่งภูเขาอิวาเตะ

ลวดลายบนหน้าปัดสร้างความละเอียดอ่อนและน่าพึงพอใจได้จากทุกมุมมองรุ่นแรกของนาฬิกาแห่งการรำลึก มาพร้อมหน้าปัดสีเงินซึ่งมีพื้นผิวและสีสันที่ทำให้เห็นลักษณะของทะเลเมฆที่ปกคลุมภูเขาอิวาเตะ ในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตนาฬิกาจักรกลทุกรุ่นของ Grand Seiko ฉากทิวทัศน์นี้จะมองเห็นได้เฉพาะตอนรุ่งสาง เมื่ออากาศนิ่งและมีความชื้นมากจนมีเมฆหนาทึบซ้อนทับกันเกิดเป็นทะเลสีขาวเงินอันงดงาม

เมื่อมองผ่านกระจกแซพไฟร์ คริสตัล แผ่นใสของฝาหลังเข้าไปจะมองเห็นสัญลักษณ์ของ Grand Seiko ได้อย่างง่ายดาย สัญลักษณ์นี้ประดับอยู่ที่โรเตอร์สีฟ้า ซึ่งเป็นสีที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นการเฉพาะสำหรับนาฬิกาแห่งการรำลึกรุ่นนี้ เพื่อนำเสนอท้องฟ้าสีฟ้าเข้มเหนือทะเลเมฆที่มักแวดล้อมยอดเขาอิวาเตะอยู่เสมอ โดยสีสันเช่นนี้เกิดขึ้นได้จากกระบวนการ อโนดิก ออกซิเดชั่น* (*การทำ อโนดิก ออกซิเดชั่น การสร้างพื้นผิวที่เกิดจากการทำให้ผิวโลหะได้รับการอิเล็กโทรลิซิส เพื่อสร้างชั้นฟิล์มออกไซด์เทียมขึ้นมา ฟิล์มไทเทเนียมออกไซด์ จะสร้างสีตามดัชนีการหักเหของแสง ซึ่งทำให้สามารถผลิตสีสันต่างๆ ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนความหนาของฟิล์มออกไซด์)

ผลงานสร้างสรรค์ชิ้นใหม่นี้ มาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติ ไฮ-บีท 36000 คาลิเบอร์ 9S85 ซึ่งประกอบขึ้นด้วยมือโดยเหล่าช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญแห่ง แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ กลไกคาลิเบอร์นี้ให้อัตราความแม่นยำ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน และมอบพลังงานสำรองได้ 55 ชั่วโมง นาฬิกาผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,200 เรือนรุ่นนี้ จะเริ่มจำหน่ายเฉพาะช่องทางบูติกออนไลน์ของ Grand Seiko ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 จากนั้นจึงจะมีจำหน่ายที่ Grand Seiko บูติก และผู้แทนจำหน่ายบางแห่ง ทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2023

แสดงความงามของฟากฟ้าอันสดใสแห่งอิวาเตะ

รุ่นที่สองของนาฬิกาแห่งการรำลึก โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีฟ้าที่แสดงถึงฟากฟ้าอันสดใสและกว้างไกลที่มองเห็นจากยอดเขาอิวาเตะ เพื่อนำพาผู้สวมใส่ออกเดินทางไปยังจังหวัดอิวาเตะ แหล่งกำเนิดของนาฬิกาจักรกล Grand Seiko ลายซันเรย์ดุจแสงอาทิตย์อันโดดเด่นที่ตกแต่งบนพื้นผิวหน้าปัดสามารถสะท้อนแสงได้จากทุกมุม ก่อเกิดเป็นฉากหลังสีฟ้าอันน่าทึ่งให้กับเข็มชั่วโมง เข็มนาที และหลักชั่วโมงที่ตัดเจียรดุจเพชร ส่วนเข็มวินาทีนั้นถูกเผาให้เป็นสีน้ำเงิน และมีการใช้สัญลักษณ์ Grand Seiko สีทองบนหน้าปัดเพื่อรำลึกถึงกลไก 9S เช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีเงิน

สีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของ Grand Seiko ปรากฏให้เห็นบนโรเตอร์ซึ่งเป็นการทำให้เกิดสีด้วยกระบวนการ อโนดิก ออกซิเดชั่น เช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีเงิน โดยสามารถชื่นชมความงามได้ผ่านกระจกแซพไฟร์ คริสตัล ของฝาหลัง

นาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 9S65 ที่ให้อัตราความแม่นยำเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน และสำรองพลังงานได้ถึง 3 วัน โดยมีสถานะเป็นนาฬิกา ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัด 1,200 เรือน ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายที่ Grand Seiko บูติก และผู้แทนจำหน่ายบางแห่ง ทั่วโลกในเดือนเมษายน 2023

Happy
Happy
100 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

%d bloggers like this: