ความล่าช้าในการขนส่งของจีนกำลังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจแอฟริกา
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว และด้วยอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การกลับสู่ “ชีวิตปกติ” ดูเหมือนจะเป็นไปได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม กับทางทะเลเป็นเรื่องที่ต่างออกไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกดูเหมือนว่าจะยังคงมีปัญหาอยู่ โดยมีผลกระทบที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจแอฟริกาโดยเฉพาะ แม้ว่าแอฟริกาจะมีการค้าขายทั่วโลกเพียง 3% แต่ก็เป็นภูมิภาคที่มีการพึ่งพาการค้าจากนอกประเทศมากที่สุด โดย 85% ของการค้าทั้งหมดเป็นการค้านอกภูมิภาค แม้ว่าพื้นที่ 30% ของประเทศในแอฟริกาจะไม่มีทางออกสู่ทะเล
ผลกระทบของความล่าช้าในการขนส่งจีนกับแอฟริกา
ความล่าช้าในการขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 การปิดโรงงาน ข้อจำกัดของพนักงาน และมาตรการล็อกดาวน์ ล้วนมีส่วนทำให้การผลิตและการกระจายสินค้าลดลง ในขณะที่ความต้องการด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าสุขภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็เพิ่มขึ้น การจัดส่งทั่วโลกโดยรวมลดลงประมาณ 10% ในปี 2020 บริษัท Logjams บริษัทการค้าที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ซึ่งรับผิดชอบการค้าทั่วโลก 16% ได้รับปลกระทบจากโควิด-19 มากเป็นพิเศษ ในช่วงต้นปี 2020 จีนเริ่มลดการค้าภายนอก จากนั้นเมื่อจีนควบคุมโควิด-19 ได้ จีนก็ประสบกับการส่งออกที่เฟื่องฟู สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์และสินค้าอื่น ๆ มากขึ้น แต่ด้วยการล็อกดาวน์ในที่อื่น ๆ ทำให้การนำเข้ากลับมาน้อยลง ประเทศจีนยังมีข้อกำหนดด้านการจัดการโควิด-19 ที่เข้มงวดมากสำหรับการกักตัวคนงานในทะเลเมื่อเทียบกับการปฏิบัติตามมาตรการในที่อื่น ๆ
ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2021 มีคนงานรายหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการที่ท่าเรือหนิงโป โจวซาน ทางตะวันออกของจีน ส่งผลให้มีมาตรการกักตัวที่เข้มงวดและระงับบริการทั้งหมดที่โรงงานแห่งนี้ภายในวันรุ่งขึ้น ทำให้เวลาการทำงานนานขึ้น การขนส่งสินค้าทางอากาศที่ส่งออกจากจีนยังประสบปัญหาการขึ้นราคาและความกลัวว่ากำลังการผลิตจะลดลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่สนามบินหนานจิงติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเส้นทางการเดินเรือมากขึ้นไปอีก ความไม่แน่นอนของสิ่งแวดล้อมทั่วโลกยังเป็นประเด็นที่น่ากังวลอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหลายประเทศทำให้การขนส่งหยุดชะงักและป้องกันไม่ให้สินค้าไหลผ่านท่าเรือ นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึง เช่น การอุดตันของคลองสุเอซในช่วงต้นปี 2021 ด้วย
แก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งของ
เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทขนส่งจีนได้เปลี่ยนเส้นทางตู้คอนเทนเนอร์ที่ขาดแคลนจากสายการค้าที่ทำกำไรได้น้อยกว่า เพื่อจัดลำดับความสำคัญของสินค้าที่ทำกำไรได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น จากจีนและเอเชีย ไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้การส่งออกของจีนไปยังท่าเรือแอฟริกาตะวันออกลดลง โดยรวมแล้ว ความล่าช้านั้นเพิ่มขึ้นเป็น 2-4 เท่ากับที่บันทึกไว้แบบปีต่อปีสำหรับการส่งของทางทะเลทั่วโลกระหว่างเดือนกรกฎาคม 2020 ถึงกรกฎาคม 2021 ระยะเวลาในการรอการขนส่งที่นานขึ้นดังกล่าวทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น
ต้นทุนนี้จะทำให้ราคาสินค้าสูงเกินจริง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ในประเทศกำลังพัฒนา เช่น ไนจีเรีย ซึ่งประชาชนต้องเผชิญกับระดับความยากจนมากถึง 47% และใช้รายได้ในครัวเรือน 56% เพื่อซื้ออาหาร การบริโภคในครัวเรือนที่ลดลงดังกล่าวควบคู่ไปกับการเพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในระบบสาธารณสุขได้เพิ่มการขาดดุลการคลังของประเทศ ทำให้เกิดภาวะถดถอยอย่างรุนแรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่ความยากจนที่เพิ่มขึ้นหากไม่ได้รับการแก้ไข จากการประมาณการชี้ให้เห็นว่า การระบาดใหญ่ได้นำไปสู่การหดตัวของ GDP ของแอฟริกาที่ 2.1% ในปี 2020 โดยที่ระดับของผลกระทบระดับชาติแตกต่างกันไปตามการพึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ในขณะที่ GDP ของแอฟริกาคาดว่าจะเติบโตเป็น 3.4% ในปี 2021 การประมาณการนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน
วิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการขนส่งคือ การเพิ่มจำนวนตู้คอนเทนเนอร์และเรือ บริษัทจีน 3 แห่งที่ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกร้อยละ 80 ได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทตู้คอนเทนเนอร์ชั้นนำ 5 อันดับแรกของยุโรปเป็นเจ้าของส่วนแบ่งการตลาดของบริการตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 50% จึงเป็นสายผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดที่กล่าวถึงข้างต้น และน่าจะได้รับผลประโยชน์การเพิ่มจำนวนและความจุของตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์คาดว่าจะได้รับผลกระทบยาว ๆ ไปถึงปีหน้าด้วย
ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์จะช่วยเศรษฐกิจแอฟริกาได้หรือไม่
ความคิดเห็นอย่างหนึ่งในการแก้ปัญหานี้คือ การเปิดศูนย์ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ เขตปกครองยางซาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในภูมิภาค โดยเร่งดำเนินการแปรรูปตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ศูนย์นี้เกิดจากความร่วมมือของ Shanghai International Port Group Co. (SIPG) และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเดินเรือระหว่างประเทศหลายแห่ง แต่ไม่มีการรับประกันว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแอฟริกาในทางบวกหรือไม่
ข้อเท็จจริงคือ แอฟริกามีส่วนได้ส่วนเสียเล็กน้อยในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยมีเพียงท่าเรือ 3 แห่งในแอฟริกาที่อยู่ในรายชื่อท่าเรือคอนเทนเนอร์ 100 อันดับแรกของโลกในปี 2020 และไม่มีประเทศใดในแอฟริกาที่ถือหุ้นในบริการขนส่งสินค้าทั่วโลกมากกว่า 1% เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้เป็นเรื่องยากที่แอฟริกาจะมีอิทธิพลต่อภาคส่วนนี้ ขณะที่จีนเป็นคู่ค้าทวิภาคีรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา และมีการคาดการณ์ว่าการค้านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองทิศทาง ปัจจัยและกฎเกณฑ์ที่ส่งผลต่อการค้านี้คือสถานการณ์โลก ปัจจัยที่แตกต่างกันไปตามบริษัทยุโรป ผู้บริโภคชาวอเมริกัน กฎของรัฐบาลจีน เป็นต้น โควิด-19 อาจเป็นตัวกำหนดแนวโน้มการเติบโตในประเทศแอฟริกา มากกว่ากลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในแอฟริกาเอง
ความไม่สมดุลนี้น่าจะบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการแทรกแซงจาก WTO และ IMO ในการกระจายสินค้าไปยังแอฟริกา และกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางในวงกว้าง เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สามารถต่อยอดจากแบบอย่างที่กำหนดไว้โดยข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ของยูนิเซฟกับผู้ให้บริการรายใหญ่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการจองสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 หรือ COVAX ทั้งหมด เพื่อลดผลกระทบของการแพร่ระบาด ข้อตกลงนี้สามารถขยายไปสู่กลุ่มสินค้าในวงกว้างขึ้น หากไม่มีการแทรกแซงนี้ ความเสี่ยงที่แนวโน้มการค้าในปัจจุบันและระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอาจนำไปสู่อันตรายต่อเศรษฐกิจแอฟริกามากกว่าผลดีในช่วงเวลานี้