แพทย์แผนจีน หนึ่งทางเลือกในการรักษา “ช็อกโกแลตซีสต์”
ภัยเงียบใกล้ตัวของสุภาพสตรีจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันนั่นคือ “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ช็อกโกแลตซีสต์” ซึ่งหากพบสัญญาณอาการป่วย ก็ไม่ควรละเลยหรือปล่อยผ่านไว้เนิ่นนาน เพราะอาจเกิดอาการลุกลามนำไปสู่อันตรายได้
แพทย์จีนเชน ปรีชาวณิชวงศ์ แพทย์แผนจีนประจำหยินหยางคลินิก กล่าวว่า “สาเหตุของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือการที่เยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ได้หลุดไปเกาะอยู่ที่รังไข่ หรือตามที่ต่างๆ และเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีขนาดใหญ่จนเป็นก้อนซีสต์ ภายในซีสต์นั้นจะเต็มไปด้วยเลือดเก่าๆ ซึ่งเลือดที่คั่งอยู่ข้างในมีสีเหมือนช็อกโกแลต เลยเรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์”
“โดยมากคนไข้จะมีอาการปวดท้องประจำเดือน ลักษณะเด่นของการปวดประจำเดือนจะเป็นแบบปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากกว่าปีที่แล้ว ในหลายคนจะมีอาการปวดแบบหน่วงๆ ที่รูทวารด้วย ถ้าหากมีประวัติแบบนี้ ขอแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกที เพราะหลายครั้งผมเจอคนไข้ที่ปล่อยปละละเลย สุดท้ายปวดจนทนไม่ไหวแล้วพอมาตรวจพบว่าซีสต์มีขนาดใหญ่มาก (โดยปกติซีสต์ใหญ่เกิน 5 เซ็นติเมตรจึงจะมีผ่าตัด) จำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเดียว และเมื่อทำการผ่าตัดเข้าไปก็พบทั้งซีสต์ขนาดใหญ่และพังผืดจำนวนมาก ไม่สามารถเลาะออกได้แค่ซีสต์ จำเป็นต้องตัดรังไข่ทิ้งไปด้วย ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนี้กันอยู่แล้ว โรคช็อกโกแลตซีสต์นี้ นอกจากจะทำให้ปวดประจำเดือนแล้วยังเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้มีลูกยากด้วย”
สำหรับแนวทางในการรักษาช็อกโกแลตซีสต์ ตามปกติแล้วจะมีดังนี้ คือ 1.ตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์เป็นการรักษาช็อกโกแลตซีสต์ที่ดีมาก เป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย ทว่าคนเป็นโรคนี้มักจะตั้งครรภ์ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 2.ฉีดหรือกินฮอร์โมนเพื่อไม่ให้มีประจำเดือน ส่งผลให้ซีสต์ฝ่อ หากผู้ป่วยมีความต้องการมีบุตร เมื่อซีสต์ฝ่อก็สามารถหยุดยาแล้วลองปล่อยตั้งครรภ์ หากพบว่าซีสต์โตกลับมาอีกครั้ง ก็จำต้องกลับไปรักษาด้วยฮอร์โมนอีกครั้ง หรือไม่ก็ทำการผ่าตัดต่อไป
สุดท้าย 3.การผ่าตัด ซึ่งส่วนมากจะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง เพราะแผลจะเล็ก ฟื้นตัวได้ไว หากพบปัญหาอื่น เช่น พังผืด ก็สามารถรักษาร่วมด้วย และในกรณีคนไข้ต้องการมีบุตร แพทย์สามารถฉีดสีเพื่อดูว่าท่อไข่อุดตันหรือไม่ระหว่างผ่าตัด เพราะการอักเสบจากซีสต์และพังผืดจะทำให้ท่อนำไข่อุตตัน บิดเบี้ยว มีปัญหาไปด้วย หลังผ่าตัดเสร็จแพทย์อาจจะให้ฉีดหรือทานยาฮอร์โมนต่ออีกสัก 3-6 เดือนแล้วแต่กรณี เพื่อป้องการซีสต์กลับมา หญิงที่ต้องการจะตั้งครรภ์ช่วงเวลาหลังผ่าตัดถือเป็นโอกาสทอง เพราะรังไข่จะมีความพร้อมกว่าเดิม คุณภาพไข่ดีขึ้น หากเวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ โอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ก็น้อยลงไปเท่านั้น เพราะซีสต์จะกลับมาใหม่ได้ง่าย
“หมอจีนมองช็อกโกแลตซีสต์เป็นโรคที่เกิดจากเลือดคั่ง ซึ่งมีที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น 1.อารมณ์หงุดหงิด เก็บกด ส่งผลลมปราณเดินไม่สะดวก ลมปราณไม่เดิน เลือดก็ไม่ถูกดัน หรือ 2. ได้รับพิษเย็น ร่างกายหนาวเกินจนเลือดไม่เดิน หรือ 3.เกิดการอักเสบจนเกิดพิษร้อน ธาตุร้อนเคี่ยวเลือดจนเลือดข้นและหนืด หรือ 4. ลมปราณพร่อง ไม่มีแรงผลักดันเลือดให้เดิน ซึ่งสาเหตุต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลทำให้เกิดเลือดคั่งขึ้น เมื่อเลือดคั่งเกิดขึ้นและไม่ได้รับการรักษา พอนานวันเข้าก็แข็งตัวจนเป็นก้อน กลายเป็นซีสต์ในที่สุด วิธีรักษาจึงเน้นที่แก้ต้นเหตุ โดยการเดินลมปราณสลายพิษเย็น ลดการอักเสบหรือบำรุงลมปราณ เพื่อสนับสนุนการเดินเลือดให้คล่องและสลายเลือดคั่งด้วยสมุนไพรจีนและการฝังเข็ม
แต่เนื่องจากว่ากระบวนการเกิดซีสต์นั้น ไม่ใช่ใช้เวลาแค่ชั่วข้ามคืน ดังนั้นการรักษาโดยแพทย์แผนจีนในการลดซีสต์จึงจำเป็นต้องใช้ระยะใช้เวลา ขั้นต่ำอย่างน้อยสามเดือน และกลับไปอัลตร้าซาวนด์ดูการเปลี่ยนแปลงของขนาดซีสต์อีกครั้ง เพื่อประเมินผลการรักษาและวางแผนการรักษาต่อไป ยาที่ใช้จะไม่ใช่ยาที่วางขายตามท้องตลาด แต่ควรเข้าพบแพทย์จีนเพื่อวินิจฉัยว่าเรามีซีสต์จากความเครียด ความเย็น ความร้อน หรือความอ่อนแรงกันแน่ แล้วจึงให้วางแนวทางการรักษาที่ตรงกับคนไข้ที่สุด
ข้อได้เปรียบของแพทย์แผนจีนคือ ยาจีนจะเหมาะมากสำหรับคนไข้ข็อกโกแลตซีสต์ที่ต้องการมีลูก เพราะในกรณีที่ซีสต์ยังไม่ใหญ่พอที่จำเป็นต้องผ่าตัด แพทย์จีนสามารถพยายามควบคุมขนาดของซีสต์ไปพร้อมกับกระตุ้นการตกไข่ ปรับสมดุลร่างกาย ส่งเสริมการมีบุตร ถ้าหากสามารถตั้งครรภ์ได้ ซีสต์จะฝ่อลงไปเองโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือรักษาใดๆ
อีกทั้ง แพทย์จีนยังสามารถรักษาร่วมไปกับการแพทย์แผนปัจจุบันได้ เช่น หลังการผ่าตัดหรือฉีดยาฮอร์โมนแล้วทานยาจีนเพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งปรับสมดุลร่างกายให้พร้อมต่อการกระตุ้นไข่ตก เพื่อใช้กระบวนการฉีดเชื้อหรือทำเด็กหลอดแก้วต่อไป นี่คือ จุดที่ยาจีนเข้ามามีบทบาทในการรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์” แพทย์จีนเชน กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 094-794-6006 หรือเข้าเยี่ยมชม Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/chenyinyangclinic ที่ตั้งคลินิก หยินหยางคลินิก 999/1-2 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230